14 กุมภาพันธ์ 2553

เทคโนโลยี

ธปท.แฉแบงก์โขกค่าธรรมเนียมโหด โอน-ฝาก-ถอนผ่านเอทีเอ็มแพงเกินจริง http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9530000020771
การให้มีการตั้งตู้ATMแข่งกัน บางซอยมีตู้ATMมากกว่า10-15ตู้ ในบริเวณเดียวกันบางแห่งมีการตั้งตู้ATMราวๆ5-6ตู้ เกิดสภาพบริโภคเทคเทคโนโลยีเกินความจำเป็น แต่ละธนาคารต้องสั่งซื้อตู้จำนวนมากโดยไม่จำเป็นและทำให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมรายปีสูงเกินจริง รัฐบาลควรไปบีบรัฐวิสาหกิจให้มีการลดค่าคู่สายลง จัดระบบคู่สายและการคิดเงินให้รวมเป็นเขตเดียวทั่วประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สมาคมธนาคารไทยก็ควรจัดหาบริษัทผู้บริหารระบบตู้ATM ตู้อัพบุ๊ค และตู้ฝากเงินร่วมกันขึ้นมา หรือผลักดันให้ทำการควบรวม ปรับให้มีการใช้เทคโนโลยีเดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารระบบ และจัดสรรโซนในการตั้งตู้ใหม่ เพื่อลดต้นทุน รวมทั้งปรับให้ไปใช้ผ่านเทคโนโลยีทางอินเตอร์เน็ตให้มากขึ้น หาเทคโนโลยีที่รองรับ3Gหรือ4G เพราะในอนาคตธนาคารจะหลอมรวมกับโทรศัพท์มือถือ ในรูปแบบโมบายวอลเล็ท ซึ่งควรให้กรมธนารักษ์เข้ามามีส่วนร่วมกำหนดระบบเงินตราอิเล็กทรอนิกส์เพื่อไม่ให้เกิดภาษีขึ้นในส่วนนี้ อีกทั้งควรประสานไปยังกรมการปกครอง เพื่อให้มีการนำบัตรประชาชนใบเดียวในระบบชิปหรือประเภทRFIDที่มีแถบบาร์โค๊ด นำไปใช้เป็นบัตรมัลติวอลเล็ทลิ้งค์ร่วมกับโมบายวอลเล็ทผูกกับหมายเลขประจำตัวประชาชนและหมายเลขโทรศัพท์ สำหรับATM เดบิตและบัตรเครดิตหลายๆธนาคารได้ ถ้าเป็นระบบวอลเล็ทร่วม ค่าธรรมเนียมรวมรายปีน่าจะลดลงมาได้เหลือซัก20-50บาทหรือไม่เกิน100ต่อปีอีกทั้งยังมีศักยภาพในการจับจ่ายสินค้าและบริการ รวมถึงการจ่ายค่าสาธารณูปโภคโอนเงินระหว่างกันได้ แต่ก็ควรที่จะอนุญาติให้ขายหวยออนไลน์ผ่านระบบโมบายวอลเล็ทเนื่องจากสามารถควบคุมอายุผู้เล่นได้ และเป็นการหนุนสภาวะระบบเงินตราอิเล็กทรอนิกส์ โดยสามารถเริ่มต้นใช้ระบบโมบายวอลเล็ทได้ทันทีที่การใช้หมายเลขโทรศัพท์ ผูกกับ หมายเลขประจำตัวประชาชนก่อน ส่วนบัตรและเครื่องโทรศัพท์อาจต้องรอเทคโนโลยีก่อนค่อยเพิ่มการผูกเข้าไปทีหลัง การลงทะเบียนเข้าใช้ต้องผ่านระบบวีดีโอลิ้งค์ตรวจสอบภาพบัตรประชาชนเทียบกับข้อมูลกรมการปกครอง และสามารถรองรับระบบบริจาคให้มูลนิธิการกุศลได้โดยลิ้งค์ข้อมูลแล้วส่งใบเสร็จให้ตามที่อยู่หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เชื่อมกับสรรพากรหักภาษีได้ทันที ทั้งควรออกนโยบายให้ไปรษณีย์มีระบบขนส่งสินค้าที่สามารถระบุตัวผู้รับผ่านเลขหมายบัตรประชาชนรองรับธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถกักวงเงินในวอลเลทแล้วหักเงินเมื่อสินค้าส่งถึงมือผู้รับ ผ่านเครื่องมือสื่อสารอ่านบาร์โค๊ดRFIDหรือกล้องพ็อคเก็ตพีซีของ จนท.ไปรษณีย์ โดยระบบนัดหมายกำหนดจุดผ่านระบบแผนที่ไม่ว่าจะเป็นกูเกิลแมพหรือโนเกีย.

1 ความคิดเห็น: