09 มกราคม 2557

กลุ่มทุนเก่า V& กลุ่มทุนใหม่

กลุ่มทุนเก่า V& กลุ่มทุนใหม่ การออกพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านๆ เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกลุ่มการเมืองเก่า อย่าง ปชป. เพราะ กลุ่มทุนการเงินที่เคย สนับสนุน ปชป.เป็นอย่างดีมาโดยตลอด อาจเปลี่ยนข้างมาเข้ากับ พท. เพราะระบุว่าจะเงินกู้ส่วนใหญ่จะกู้เงินในประเทศ (พตท.ทักษิณเคยพยายามเข้ากลุ่มทุนการเงินด้วยการเปิด แคปปิตอลโอเค แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งๆที่มีทุนสนับสนุน) ซึ่งก่อนหน้านี้ ปชป. ได้ออก กฎหมายแบ้งค์ล้ม ตอบสนองต่อกลุ่มทุนการเงิน โดยอนุญาติให้แบ็งค์ล้มได้อย่างง่ายดาย และรัฐบาล รับรองเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อบัญชี ซึ่งมีผลทำให้แบ็งค์ต่างชาติที่มาเปิดสาขาในประเทศไทย ในยุคเปิดเสรีการตั้งธนาคาร ยังไม่กล้าตัดสินใจเปิดสาขาปูพรมในต่างจังหวัด ทั้งๆที่มีเงินทุนหนากว่าธนาคารไทยมาก โดยเน้นตั้งสาขาเพื่อปล่อยเงินกู้เป็นหลัก ในอดีตจะมีเงื่อนไขกีดกันธนาคารต่างชาติเป็นอันมาก ถึงขนาดมีการออกเงื่อนไข ตั้งธนาคารสำนักงานใหญ่ ต้องไปตั้งในต่างจังหวัด ช่วงที่ผ่านมา กบข. ซึ่งต้องตอบสนอง กลุ่มทุนการเงิน ได้สูญเสียเงินลงทุนไปหลายหมื่นล้านบาท ไปอย่างง่ายดายจากการไปซื้อหุ้นของกลุ่มทุนการเงิน หลังการปฏิวัติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สูญเสียเงินทุนสำรองที่สะสมไว้ในยุค ทักษิณ ไปนับ แสนล้านบาท จากการที่กองทุนขนาดใหญ่ในยุโรปเข้ามากว้านค่าเงินในประเทศไทย ไปอย่างง่ายดายในระยะเวลาอันสั้น เหมือนยังกับรู้ข้อมูลการลงทุนของธนาคารแห่งประเทศไทยโดยละเอียด ซึ่งก่อนหน้า ได้มีผู้บริหารระดับสูง เดินทางไปยุโรป และถูกวิ่งราวกระเป๋า ปชป. สมัย ชวน ได้เปิดเสรีการกู้เงิน BIBF ซึ่งส่งผลให้เกิดวิกฤติการโจมตีค่าเงินบาทในปี40 เพราะการกู้เงินที่ไม่มีวงเงินจำกัดของกลุ่มทุน และกลุ่มทุนอสังหา ที่สร้างอาคารไว้ให้นักลงทุนเช่าจนล้นตลาด แต่เพราะกลุ่มทุนเก่า พยายามตั้งเงื่อนไขการเข้ามาลงทุนของทุนต่างชาติ ต้องผ่านมือพวกเขาก่อน จึงมีการเข้ามาลงทุนที่แท้จริงน้อยมาก เพราะกลุ่มทุนเก่ากลัวสูญเสียผลประโยชน์ที่เคยได้ ที่เคยมี และพยายามสร้างสถานการณ์และเงื่อนไขไล่นักลงทุนต่างชาติ ทั้งๆที่ประเทศไทยลงนามในการเปิดเสรีอาเซียนแล้ว แต่กลุ่มทุน สิงคโปร์และมาเลเซียยังมีการเข้ามาลงทุนในไทยน้อยมาก ทั้งๆ ที่พื้นที่ได้เปรียบในชัยภูมิทางระบบโลจิสติกส์ ซึ่งกลุ่มทุนต่างชาติ อาจจะรอการแบ่งแยกดินแดนก่อน และภายใต้สภาวะสงครามประชาชาติปิดล้อมจีน ซึ่งสถานที่ที่เหมาะสมในการตั้งฐานทัพในด้านทิศใต้ที่เหมาะสม ได้แก่ ไทย พม่า หรือสิงคโปร์ และสหรัฐ ได้มีฐานทัพแล้วใน ญี่ปุ่น* เกาหลี* (70ปีแล้ว) อัฟกานิสถาน ออสเตรเลีย เกาะดิเอโก้กราเซียในมหาสมุทรอินเดีย โดยอาจจุดประทุศึกเกาหลีขึ้นก่อน หรือไม่ก็ ศึก จีน-ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ รายใหญ่ที่สุด ที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐอเมริกาไว้จำนวนมหาศาลทั้งคู่ และประเทศจีนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนทำรถไฟฟ้า สายเหนือ ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ถ้าหากได้ครอบครองสัมปทาน ทั้งๆที่จีนได้ลงทุนระบบขนส่งและรางรถไฟที่พม่าเอาไว้แล้วเพื่อเป็นทางออกทางทะเลในการขนส่งน้ำมัน เพื่อป้องกันการปิดช่องทางการขนส่งน้ำมัน เหมือนกับที่เคยเกิดแล้วในการปิดกั้นการขนส่งน้ำมันญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ทั้งๆที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไม่มีทรัพยากร แต่ถูก สมาพันธ์ผู้ค้าอาวุธชักนำสนับสนุนแบบการสร้างอาวุธ เครื่องบิน เรือรบ ผ่านทางเยอรมัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดสภาวะสงคราม ที่สามารถขายสินค้าที่ใช้ในการรบ ได้เป็นจำนวนมหาศาล และถ้าเกิดปรากฎการณ์ โนโหวต ขึ้นในระดับครึ่งค่อนของผู้มีสิทธิ์ ออกเสียง CIA อาจวิเคราะห์ว่า ประชาชนชาวไทยไม่ต้องการประชาธิปไตย และอาจเลือกใช้โมเดล แมนจูเรีย กับประเทศไทย เพื่อหลีกเลี่ยงรัฐธรรมนูญสหรัฐที่ว่า จะยึดครองประเทศที่มีลักษณะเป็นราชอาณาจักรของระบบกษัตริย์มิได้ คือภายหลังการจุดประทุไฟสงคราม จะชักนำให้จีน ยึดครองประเทศไทยก่อน จึงจะเข้ามาตั้งฐานทัพในภายหลัง ตามหลักการแบ่งแยกแล้วปกครอง ซึ่งจุดแบ่งแยกที่สำคัญได้แก่ พิษณุโลก ที่จะมีเส้นทางออกไปยังพม่า แต่ทั้งนี้องค์กรลับที่ได้ผลประโยชน์จากสงคราม จะต้องการให้จีนยึดครอง พิษณุโลกมากกว่า เพื่อให้เกิดงบประมาณการทำสงครามของสหรัฐที่มากกว่าด้วย นี่ไม่ใช่ศึก ของ สุเทพ กับ ทักษิณ แต่คะแนนเสียงของท่าน จะมีผล ต่อ อนาคต ของประเทศไทย โปรดส่งต่อไปยังเพื่อนๆของท่าน อย่างน้อย 39 คน jackkth.blogspot.com